มุกดา อินต๊ะสาร
มุกดา อินต๊ะสาร
เป็นชาวดอกคำใต้ เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒
พ่อแม่ทำอาชีพค้าขาย เธอจึงมีโอกาสได้เรียนสูงๆ
เธออยากเรียนพยาบาลเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้อื่น แต่สอบเข้าไม่ได้
เธอได้เรียนสังคมวิทยา-มานุษยวิทยาที่วิทยาลัยพายัพ
ที่เชียงใหม่
ตั้งแต่เริ่มเป็นสาว เธอได้รับรู้ด้วยความเจ็บปวดว่า
ดอกคำใต้มีชื่อเสียงที่ไม่น่าภูมิใจเลย บอกใครว่าเป็นคนดอกคำใต้
เขาก็มองอย่างดูถูกเหยียดหยาม หาว่าเป็นหญิงบริการไปหมด เธอจึงตั้งใจไว้ว่า
เธอจะสร้างภาพที่ดีให้แก่อำเภอบ้านเกิดของเธอให้ได้
จะกู้ศักดิ์ศรีของคนดอกคำใต้ให้กลับคืนมา
เมื่อเรียนจบเธอสมัครเป็นครู
และได้ไปสอนที่โรงเรียนภูซางวิทยาคม อำเภอเชียงคำ
ที่นี่เองที่เธอเริ่มเรียนรู้การทำงานกับชุมชน
เพราะผู้บริหารเป็นคนสนใจงานพัฒนาชุมชน ทำให้เธอได้ออกไปทำงานกับชาวบ้าน
ต่อมาไม่นานก็ได้รับการย้ายกลับไปโรงเรียนใกล้บ้านเกิด คือ โรงเรียนถ้ำปินวิทยาคม
ที่อำเภอดอกคำใต้ และทำงานด้านสังคมต่อไป
ครูมุกดา เป็นครูแนะแนวด้วยในเวลาเดียว
เธอจึงได้รับรู้ปัญหาของเด็กๆ ปัญหาครอบครัวของเด็ก โดยเฉพาะเด็กชาวเขา
เธอได้รับรู้ถึงความยากลกบากในการทำมาหากิน การปรับตัว
การอยู่ร่วมกับคนพื้นราบอื่นๆ
การสูญเสียเอกลักษณ์
และความพยายามแสวงหาเอกลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับตนเอง กลายเป็นปัญหาปมด้อย
และปัญหาสังคมสำหรับหลายคน
ครูมุกดาเชื่อว่า
การศึกษาจะช่วยเหลือคนเหล่านี้ให้ค้นพบตัวเองได้ แต่พวกเขามักจะไม่มีทุน
โรงเรียนก็อยู่หางไกล โดยเฉพาะถ้าอยากเรียนต่อชั้นมัธยม แทบจะไม่มีทางเอาเสียเลย
เพราะต้องเดินทางไปกลับไกลมาก
ถ้าไม่ไปกลับก็ต้องเอาไปฝากที่ไหนสักแห่งใกล้โรงเรียน
และนั่นคือที่มาของดครงการที่เธอให้ที่พักพิงเด็กชาวเขาจำนวนหนึ่งที่บ้านของตนเอง
จากไม่กี่คนจนถึง ๔๐ คนวันนี้
นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นงานในโรงเรียน
และงานที่เกี่ยวกับเด็กที่ต้องไปโรงเรียน
แต่การเรียนรู้ของคนนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียนเสมอไป เด็กๆ ทั้ง ๔๐ คนเรียนรู้ที่บ้านของเธอ
ซึ่งมีที่ดินอยู่ประมาณ ๒๐ ไร่ เด็กๆ ช่วยกันทำงานในแปลงเกษตรผสมผสาน
เลี้ยงปลา ทำนา ปลูกพืชปลูกผัก
และไม้ผลต่างๆ เช่น กล้วย อ้อย
เป็นต้น
ทำงานเหมือนที่บ้านของตนเอง ได้เรียนรู้จากการทำงาน
และได้พึ่งพาอาศัยผลผลิตจากการทำงานของตนเอง
ถ้าหากเด็กเหล่านี้ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ ไม่ได้มาเรียนที่นี่
พวกเขาเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะถูกสิ่งแวดล้อมชักนำไปในทิศทางอื่น ไม่ว่าจะไปขายบริการ
หรือเกี่ยวข้องกับการเสพและการค้ายาเสพติด
ซึ่งเป็นเรื่องที่ระบาดอย่างหนักในปัจจุบัน
การมาอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวพวกเขาเอง
เพราะที่นี่ไม่ได้เรียนรู้แต่หนังสือ แต่เรียนรู้ "ทักษะชีวิต" การคิดและตัดสินใจในการดำเนินชีวิต เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น
และรู้ว่าตนเองต้องการอะไรและควรทำเช่นไร
อันนี้ต่างหากที่เป็นการเรียนรู้ที่ทำให้เด็กๆ
เหล่านี้เห็นคุณค่าของการได้มาอยู่ร่วมกันที่ศูนย์แห่งนี้
นอกจากนี้ ครูมุกดาทำงานกับชาวบ้าน กับชุมชน เป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มต่างๆ
ไม่เพียงแต่ที่บ้านถ้ำ แต่ในตำบลปินและอีกหลายตำบล เป็นเครือข่ายของธนาคารหมู่บ้าน
และกลุ่มองค์กรชาวบ้าน เช่น กลุ่มออมข้าว กลุ่มตัดเย็บ กลุ่มกระดาษสา
กลุ่มหน่อไม้อัดปิ๊บ กลุ่มดอกไม้ประดิษฐ์
เป็นต้น
การรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายขององค์กรชาวบ้านเป็นงานสำคัญ
เพราะชาวบ้านกำลังเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองโดยการประสานความร่วมมือ ประสานทรัพยากร
ประสานเรื่องการจัดการต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ และไม่มีใครมีประสบการณ์ด้านนี้
เพราะในอดีตไม่เคยเป็นเช่นนี้
บทบาทของครูมุกดาจึงเป็นบทบาทของผู้ประสานงานให้เกิดการเรียนรู้ในหมู่ชาวบ้านสมาชิกเครือข่าย
นับเป็นงานสำคัญและบทบาทสำคัญของคนที่เป็นลูกชาวบ้าน
ได้ไปเรียนจากสถาบันอุดมศึกษา กลับมาบ้านเกิด มาสอนในโรงเรียน เป็นข้าราชการครู
แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำงานเป็นผู้ประสานองค์กรชุมชนอีกเกือบร้อยเข้าด้วยกัน
ให้เกิดการเรียนรู้ ให้เกิดการจัดการ และที่สำคัญ ให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
โดยเฉพาะสตรีชาวดอกคำใต้และเยาวชน โดยเฉพาะเด็กหญิง ที่เห็นว่า
ตนเองมีเกียรติและศักดิ์ศรีที่มาจากการพบทางเลือกดำเนินชีวิตที่สามารถพึ่งพาตนเองได้
ไม่ใช่จำเป็นต้องเลือกที่จะไปทำงานเป็นหญิงบริการอย่างที่บางคนในหมู่บ้านในอำเภอนี้เคยทำมาก่อน